พระกรุฮอด
กรุฮอด |
ตำนานพระเมืองฮอด หรือที่เรียกว่า"พระกรุฮอด"ซึ่งตามตำนานค้นพบทุกวัดในเมืองนี้ก่อนที่จะกลายเป็นเมืองบาดาลไป พระหินสีเมืองฮอด จ.เชียงใหม่ พระพุทธรูปและพระเครื่องเนื้อแก้วผลึกที่ขุดค้นพบจากกรุตามเมืองในภาคเหนือและภาคกลางมีแหล่งที่พบมากที่สุดคือเมืองเชียงใหม่เชียงรายและอยุธยาพระแก้วไม่ได้หล่อ หรือทำขึ้นจากแก้วธรรมดาตามที่เข้าใจกันแต่เป็นแร่รัตนชาติแท้ๆมีสีเขียวสีขาวและสีเหลืองฯลฯแร่หินที่คนทั่วไปเรียกว่าแก้วผลึกนี้คือพลอยหินเนื้ออ่อนประเภทเปลือกหยกหินเขี้ยวหนุมานหินเนื้ออ่อนสีเหลืองนี้จัดอยู่ในตระกุลหินบุษราคัมมีสีเหลืองใสวาวและสีเหลืองน้ำผึ้ง
ในสมัยเชียงแสนและเชียงใหม่นิยมสร้างพระแก้วสีเหลืองนี้เรียกว่าบุษย์น้ำทอง พระแก้วสีขาวเรียกว่าเพชรน้ำต้มหรือเพชรน้ำค้างสันนิษฐานว่าพระแก้วมีการสร้างทำและสืบทอดมาจากเขตล้านนาตอนบนลงมาจนถึงเมืองเชียงใหม่ ในปีพ.ศ. 2502-2503 กรมศิลปากรได้ค้นพบพระเจดีย์ทุกวัดในเมืองฮอดเพื่อนำพระพุทธรูปและโบราณวัตถุทั้งหมดที่ขุดพบมาเก็บไว้เนื่องจากการสร้างเขื่อนภูมิพลเสร็จน้ำจะท่วมเมืองฮอดทั้งหมดในครั้งนั้นทางการได้ขุดพบพระแก้วมากที่สุดและเป็นการขุดค้นพบพระแก้วครั้งใหญ่ที่สุดแร่หินสีเหลืองที่นำมาสร้างพระแก้วนี้เข้าใจว่าจะนำมาจากประเทศลังกาและจีนหินเขี้ยวหนุมานที่เนื้อดีน้ำงามที่สุดที่เรียกกันว่าจุ๊ยเจียประกายแห่งพลังคนจีนโบราณถือกันว่าแก้วขาวจุ๊ยเจียสามารถป้องกันสิ่งชั่วร้ายต่อต้านอาถรรพณ์ต่างๆได้ด้วยใยพระแก้วของกรุเมืองฮอดที่ขุดได้จากกรุเจดีย์ตามวัดหลายแห่งในเขตอำเภอฮอดที่พบมากจะมีพระแก้วเนื้อสีขาวและเนื้อสีเหลืองที่ทางการได้ขุดค้นรวบรวมไว้รวมทั้งชาวบ้านได้ขุดค้นกันในระยะต่อมามีจำนวนมากพอสมควรมีขนาดใหญ่มีขนาดหน้าตัก 3 นิ้วเศษขนาดเล็ดสุด0.5 นิ้วพระแก้วของกรุเมืองฮอดที่ยังพอมีเป็นงานสร้างศิลปะด้วยวัตถุที่มีค่าที่น่าศึกษาและควรเก็บอนุรักษ์ไว้เพราะเป็นงานแกะที่ทำด้วยฝีมือของสกุลช่างเมืองฮอดแท้ๆการสร้างพระแก้วต้องใช้ทักษะ และความสามารถในการวางรูปแบบที่สูงมากเป็นการสร้างที่ทำยากกว่าการหล่อพระพุทธรูปหรือทำพระเครื่องด้วยดินเผามากพระแก้วของกรุเมืองฮอดเข้าใจว่าช่างแกะด้วยกันหลายคนเพราะแต่ละองค์มีฝีมือทำได้งดงามมากมีปางสมาธิและปางมารวิชัยปางยืนก็มีบ้างแต่ละองค์มีรูปแบบในศิลปะเชียงแสนมีอายุราวพุทธศตวรรษที่21-22 อันเป็นยุคทองของเชียงใหม่ที่พุทธศาสนาแบบลังกาวงศ์กำลังเจริญรุ่งเรืองในเมืองเชียงใหม่นอกจากพระแก้วที่ขุดพบแล้วยังพบพระเจดีย์แก้วบรรจุพระบรมธาตุอีกหลายองค์รวมทั้งรูปสัตว์เช่นช้างกวางหมอบนกคุ้มและภาชนะเครื่องใช้สอยจำลองขนาดเล็กอีกจำนวนมาก สันนิษฐานว่าขณะนั้นนิยมสร้างแต่พระแก้วรวมทั้งเครื่องใช้สอยจำลองอันเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาด้วยความศรัทธาต่อสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยที่เมืองโบราณแห่งอื่นจะพบกรุพระแก้วเพียงแห่งละองค์เท่านั้นเข้าใจว่าจะเป็นพระแก้วของเจ้านายหรือบุคคลชั้นสูงสร้างขึ้นเข้าใจว่าเป็นพระชัยวัฒน์ประจำตัวหรือสร้างทำขึ้นในพิธีบวงสรวงศาสนา
พระแก้วกรุเมืองฮอดจะพบในหลายวัดด้วยกันเช่นวัดหลวงฮอดวัดศรีโขงวัดเจดีย์สูงวัดดอกเงินและวัดสันหนองฯลฯแต่กล่าวโดยรวมได้ว่าที่กรุวัดศรีโขงเป็นกรุที่พบพระแก้วมากที่สุดเพราะเป็นกรุใหญ่มากเมืองฮอดเป็นเมืองโบราณของอาณาจักรล้านนา(ปัจจุบันเป็นอำเภอฮอด)ตัวเมืองเก่าตั้งอยู่ที่บ้านวังลุงพงศาวดารโยนกชี้ว่าเมืองนี้คือท่าเชียงทองศูนย์กลางของเมืองคงอยู่ที่วัดหลวงฮอดในอดีตพระนางจามเทวีได้นำไพร่พลขึ้นมาสร้างเมืองลำพูนได้แวะพักที่ริมแม่น้ำปิงก่อนได้สถานที่แห่งนี้เป็นทำเลดีจึงได้สร้างเมืองขึ้นชื่อเมืองฮอดในปีพ.ศ. 1203 ได้สร้างพระเจดีย์บรรจุพระบรมธาตุไว้บนยอดเขาลุกหนึ่งชื่อว่าดอยเกิ้ง (ดอยฉัตร)และได้สร้างวัดรวม 99 วัด วัดพระเจ้าโท้วัดเก่าสร้างในสมัยจามเทวีนอกจากนั้นเมื่อปีพ.ศ. 2513 มีผู้ขุดพบพระรอดบังภัยมีศิลปะแบบปาละเทียบได้กับพระบางวัดดอนแก้วลำพูนมีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 17 บ่งชี้ถึงศิลปะเมืองฮอดก็เก่าถึงสมัยหริภุญไชย
นอกจากนี้ ยังพบพระเจดีย์แก้วบรรจุพระบรมธาตุอีกหลายองค์ รวมทั้งรูปสัตว์ เช่น ช้าง กวางหมอบ และภาชนะเครื่องใช้จำลองขนาดเล็ก ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนเกี่ยวเนื่องกับพระพุทธศาสนา และเป็นศิลปะ ซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอันงดงามยิ่ง
นอกจากนี้ ยังพบพระเจดีย์แก้วบรรจุพระบรมธาตุอีกหลายองค์ รวมทั้งรูปสัตว์ เช่น ช้าง กวางหมอบ และภาชนะเครื่องใช้จำลองขนาดเล็ก ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนเกี่ยวเนื่องกับพระพุทธศาสนา และเป็นศิลปะ ซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอันงดงามยิ่ง
จากหลักฐานในเครื่องถ้วยจีนสมัยราชวงศ์เหม็งหลายชิ้นที่ขุดพบในวัดเจดีย์สูงบอกชื่อจักรพรรดิสี่จงตรงกับ พ. ศ. 2065–2110 เครื่องถ้วยจีนชิ้นที่เก่าที่สุดพบที่วัดศรีโขงมีอายุตรงกับสมัยจักรพรรดิสี่จงปีศักราชซ้วนเต็กตรงกับปีพ.ศ. 1919-1978 การได้พบสิ่งของอื่นๆอีกจำนวนมากบอกอายุตรงกับสมัยพระเจ้าสามฝั่งแกนเป็นช่วงที่สมัยเชียงใหม่กำลังรุ่งเรืองทำให้รู้ว่าเมืองฮอดยังคงเป็นเมืองท่าค้าขายหรือผ่านพักของกลุ่มพ่อค้าก่อนที่จะนำสินค้าไปเมืองเชียงใหม่เชียงรายและพะเยา เมืองฮอดดำรงฐานะเป็นเมืองต่อมาอีกเป็นเวลายาวนานเมื่อสี่สิบปีก่อนข้าพเจ้า(ลุงดอน) ได้ทันเห็นการขุดค้นโบราณสถานและขุดค้นรวบรวมศิลปวัตถุของทางการครั้งนั้นด้วยเมื่อสายน้ำจากเขื่อนใหญ่ท่วมเข้ามาทำให้ชุมชนเมืองฮอดรวมทั้งศาสนสถานอันทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ต้องล่มสลายทำให้ศิลปะและงานฝีมือของเมืองฮอดถูกลืมเลือนไปจากผู้คนในยุคนี้เมื่อลมหายใจยังมีอยู่ศิลปะของเมืองฮอดยังคงได้รับการสืบทอดสานต่อ ณ ที่นี่ไปอีกนาน
ขอบคุณ ทุกท่านที่สนใจศึกษาพระกรุฮอด
(คำเตือนโปรดศึกษาก่อนสะสม การพิจารณาหลักๆประกอปด้วย ดูศิลปะ หรือฝีมือการแกะ คราบกรุ และพื้นผิวขององค์พระ)
คนที่เชื่อในเรื่องพุทธคุณก็มั่นใจได้เต็มร้อย โดนเฉพาะ เรื่องโภคทรัพย์ ป้องกันสิ่งชั่วร้ายต่างๆ
จึงถือได้ว่าเป็นพระบูชาที่ทรงคุณค่าแก่การศึกษาและสะสมเป็นอย่างยิ่ง
ขอบคุณ ทุกท่านที่สนใจศึกษาพระกรุฮอด
(คำเตือนโปรดศึกษาก่อนสะสม การพิจารณาหลักๆประกอปด้วย ดูศิลปะ หรือฝีมือการแกะ คราบกรุ และพื้นผิวขององค์พระ)
คนที่เชื่อในเรื่องพุทธคุณก็มั่นใจได้เต็มร้อย โดนเฉพาะ เรื่องโภคทรัพย์ ป้องกันสิ่งชั่วร้ายต่างๆ
จึงถือได้ว่าเป็นพระบูชาที่ทรงคุณค่าแก่การศึกษาและสะสมเป็นอย่างยิ่ง
ขอโชว์ พระสังกัจจายน์ กรุฮอด (ช่างหลวง)
ติดรางวัลที่2
โชว์กรุฮอด คราบกรุสีแดงและคราบหินปูนเกาะเต็มองค์ (รังใหญ่) นานๆจะมีให้ศึกษากัน
หาศึกษาได้จาก หนังสือของท่าน อ.ประชุม กาญจนวัฒน์
พระกรุฮอด ของดีเมืองเชียงใหม่...